ทิสโก้คาด ตลาดหุ้น S&P500 เสี่ยงปรับฐานใน 1-2 เดือน

แนะถือเงินสดรอซื้อพันธบัตรระยะยาวของสหรัฐฯ

ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจและกลยุทธ์ทิสโก้ (TISCO ESU) คาดตลาดหุ้นสหรัฐฯ อาจปรับตัวลงในช่วง 1-2 เดือนข้างหน้า จากมูลค่าหุ้นที่ค่อนข้างแพง และได้รับแรงกดดันจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ที่อาจปรับตัวแตะ 4.3-4.5% ในไตรมาส 2/2567 แนะทยอยลดน้ำหนักลงทุนในหุ้นสหรัฐฯ ถือเงินสดรอเข้าลงทุนในพันธบัตรระยะยาวของสหรัฐฯ

            นายคมศร ประกอบผล หัวหน้าศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจและกลยุทธ์ทิสโก้ (TISCO ESU)เปิดเผยว่า สำหรับการลงทุนในช่วงนี้ยังคงแนะนำให้นักลงทุนทยอยลดน้ำหนักการลงทุนในตลาดหุ้นสหรัฐฯ (S&P500) เพราะในช่วง 1-2 เดือนหลังจากนี้ ดัชนีหุ้นสหรัฐฯ มีโอกาสปรับตัวลดลงจากมูลค่าหุ้นที่ค่อนข้างสูง และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรระยะยาวของสหรัฐฯ (Bond yield) ปรับตัวสูงขึ้นกดดันราคาหุ้น พร้อมทั้งแนะนำให้นักลงทุนถือเงินสดรอเข้าลงทุนในพันธบัตรระยะยาวของสหรัฐฯ

            “ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจและกลยุทธ์ทิสโก้มองว่า ในไตรมาส 2/2567 นี้ Bond yield พันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ จะกลับมาเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 4.3-4.5% ตามปริมาณพันธบัตรที่เพิ่มขึ้นหลังกระทรวงการคลังสหรัฐฯ มีแผนที่จะออกพันธบัตรระยะยาวมาขายในตลาดเพิ่มขึ้นในช่วงไตรมาส 2 นี้ ประกอบกับแนวโน้มเงินเฟ้อที่อาจจะกลับมาเพิ่มขึ้นในระยะสั้นผลจากตัวเลขเศรษฐกิจออกมาแข็งแกร่งอย่างต่อเนื่อง เช่น ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคการผลิต (Manufacturing PMI) ซึ่งพลิกกลับมาขยายตัวเป็นครั้งแรกในรอบ 18 เดือน ตัวเลขเงินเฟ้อที่ออกมาสูงกว่าคาด และส่งสัญญาณเร่งตัวขึ้น รวมถึงตัวเลขการจ้างงานที่ยังแข็งแกร่ง ซึ่งชี้ว่าเงินเฟ้อโดยเฉพาะในภาคบริการของสหรัฐฯ อาจมีแนวโน้มกลับมาเพิ่มขึ้นต่อจากนี้ ” นายคมศรกล่าว

            ทั้งนี้ จากตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่ฟื้นตัวอาจเป็นอุปสรรคต่อการลดดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ในปีนี้โดยศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจและกลยุทธ์ทิสโก้ประเมินว่า Fed มีแนวโน้มที่จะชะลอการลดดอกเบี้ยออกไปเป็นในช่วงไตรมาส 3 และอาจลดดอกเบี้ยเพียงสองครั้งในปี 2567 นอกจากนั้น Fed อาจปรับเพิ่มคาดการณ์อัตราดอกเบี้ยระยะยาว ซึ่งจะส่งผลให้ Bond yield ในตลาดยังมีแนวโน้มเป็นขาขึ้นต่อไปในระยะสั้น

            นายคมศรกล่าวว่า จาก Bond yield ที่มีโอกาสปรับตัวเพิ่มขึ้นจะเป็นปัจจัยกดดันต่อเนื่องไปยังตลาดหุ้นสหรัฐฯ ที่ซื้อขายที่ระดับ P/E ที่ค่อนข้างแพงมากในปัจจุบัน โดยอัตราส่วนราคาหุ้นต่อคาดการณ์กำไรสุทธิต่อหุ้น (Forward P/E) ของ S&P500 ที่เหมาะสม โดยใช้ Regression Model ซึ่งประกอบด้วย 3 ตัวแปร ได้แก่ ระดับ Bond yield, ขนาดงบดุลของ Fed และคาดการณ์การเติบโตของกำไรบริษัทจดทะเบียน (Forward EPS) ซึ่งแบบจำลองของศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจและกลยุทธ์ทิสโก้ชี้ว่าค่า P/E เหมาะสมอยู่ที่ราว 18 เท่า ซึ่งต่ำกว่าค่า P/E ของ S&P500 ในปัจจุบันที่ 21 เท่า และค่า P/E ที่ไม่รวมหุ้นกลุ่ม Magnificent 7 ที่ 19 เท่า ซึ่งชี้ว่าการปรับตัวขึ้นของตลาดหุ้นในช่วงที่ผ่านมา มาจากการเพิ่มขึ้นของหุ้นไม่กี่ตัว ทำให้ตลาดหุ้นค่อนข้างเปราะบางต่อปัจจัยที่จะกระทบในระยะข้างหน้า และมีความเสี่ยงมากขึ้นที่จะปรับฐานลงในช่วง 1-2 เดือนนี้

Scroll to Top
ไอคอน PDPA

เว็บไซต์นี้มีการจัดเก็บคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการใช้งานเว็บไซต์ของท่านให้ดียิ่งขึ้น และนำเสนอโฆษณาที่เกี่ยวข้องและตรงกับความสนใจของท่าน โดยท่านสามารถศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้จาก นโยบายการใช้คุกกี้ กรุณากดยอมรับเพื่อยินยอมให้เราใช้คุกกี้

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    คุกกี้ที่จำเป็นคือสิ่งที่สำคัญสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ ทำให้คุณสามารถใช้งานและเรียกดูเว็บไซต์ได้ตามปกติ คุณไม่สามารถปิดการใช้งานคุกกี้เหล่านี้ในระบบของเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้ที่จำเป็น

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้

บันทึกการตั้งค่า