ทิสโก้ชี้ ‘เศรษฐกิจถดถอย’ กดดันหุ้นโลกตลอดปี 65  แนะทยอยสะสมหุ้นเฮลธ์แคร์

ทิสโก้ชี้ ‘เศรษฐกิจถดถอย’ กดดันหุ้นโลกตลอดปี 65

แนะทยอยสะสมหุ้นเฮลธ์แคร์ และเทคฯ รับกำไรโต 10% ต่อปี

        28 มิ.ย. 65 – ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจและกลยุทธ์ทิสโก้ชี้ความเสี่ยงเศรษฐกิจถดถอย จะกดดันหุ้นทั่วโลกในช่วงที่เหลือของปี แนะหลีกเลี่ยงหุ้นอ่อนไหวตามภาวะเศรษฐกิจอย่างกลุ่มพลังงานและการเงิน โยกเงินลงทุนหุ้นโตสวนเศรษฐกิจถดถอย ได้แก่ หุ้นเทคโนโลยีและเฮลธ์แคร์ หลังพบทำสถิติกำไรโตต่อเนื่อง 10% ต่อปี 

        นายคมศร ประกอบผล หัวหน้าศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจและกลยุทธ์ทิสโก้ (Mr. Komsorn Prakobphol, Head of Economic Strategy Unit, TISCO Economic Strategy Unit : TISCO ESU)  เปิดเผยว่า สำหรับมุมมองการลงทุนในช่วงครึ่งปีหลังของปี มองว่าปัจจัยเรื่องตัวเลขเศรษฐกิจที่ชะลอลงและเส้นอัตราผลตอบแทนตราสารหนี้ (Yield Curve) ที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรระยะสั้นและระยะยาวกลับมาในระดับที่ใกล้ตัดกัน (Inverted) ซึ่งเป็นสัญญาณเตือนที่ชี้ให้เห็นถึงความเสี่ยงเศรษฐกิจถดถอย และจะเป็นปัจจัยกดดันตลาดหุ้นทั่วโลกในช่วงที่เหลือของปี

 โดยเศรษฐกิจที่ชะลอตัวจะส่งผลกระทบต่อผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนโดยตรง ซึ่งจากสถิติพบว่า ในช่วงภาวะเศรษฐกิจถดถอยกำไรรวมของดัชนี S&P 500 ลดลงเฉลี่ยถึง 25% จึงแนะนำให้หลีกเลี่ยงหุ้นในกลุ่มที่ผลประกอบการผันผวนตามภาวะเศรษฐกิจ เช่น กลุ่มพลังงาน และกลุ่มการเงิน 

        อย่างไรก็ตาม ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจและกลยุทธ์ทิสโก้ ประเมินว่า ในช่วงที่ผ่านมาตลาดหุ้นโลกได้ซึมซับผลกระทบจากนโยบายการเงินที่เข้มงวดไปมากแล้ว เห็นได้จากดัชนี S&P 500 ของสหรัฐฯ ที่เข้าสู่ภาวะตลาดหมีหลังดัชนีลดลงมากกว่า 20% จากจุดสูงสุดเมื่อต้นปี ในขณะที่ดัชนี NASDAQ ซึ่งมีสัดส่วนหุ้นในกลุ่มเทคโนโลยีสูง ก็ได้ปรับตัวลดลงถึง 30% แล้ว  

         รวมถึงอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาล (Bond Yield) สหรัฐฯ ได้ผ่านจุดสูงสุดไปแล้ว และจะเริ่มกลับมาลดลงในช่วงที่เหลือของปี เพราะคาดว่าอัตราเงินเฟ้อน่าจะเริ่มชะลอตัวลงตามราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่เริ่มปรับตัวลดลง และตัวเลขเศรษฐกิจที่เริ่มชะลอลง ซึ่งทำให้ตลาดเริ่มปรับลดคาดการณ์การขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ลง โดยคาดว่า Fed จะหยุดขึ้นดอกเบี้ยที่ระดับ 3.5% ในช่วงปลายปีนี้ จากก่อนหน้านี้ที่คาดว่าดอกเบี้ยจะขึ้นไปถึง 4% ในช่วงกลางปีหน้า

        ดังนั้น แนะนำให้นักลงทุนใช้โอกาสที่ตลาดปรับฐานทยอยสะสมหุ้นกลุ่มที่กำไรมีศักยภาพในการเติบโตสูงในระยะยาวและไม่ผันผวนตามภาวะเศรษฐกิจระยะสั้นมากนัก เช่น หุ้นกลุ่มเฮลธ์แคร์ (Healthcare) ที่กำไรมีแนวโน้มเติบโตสูงในระยะยาว โดยในช่วง 30 ปีที่ผ่านมา กลุ่มเฮลธ์แคร์มีอัตราการเติบโตของกำไรเฉลี่ย 10.2% ต่อปี และสามารถเติบโตได้ต่อเนื่อง แม้ในภาวะเศรษฐกิจถดถอย นอกจากนี้ ในอนาคตยังมีโอกาสเติบโตอีกมากตามเมกะเทรนด์สังคมสูงอายุที่เกิดขึ้นทั่วโลก 

        นอกจากนี้ ยังแนะนำให้ลงทุนในหุ้นเติบโตสูง กลุ่ม Tech  ที่แม้ก่อนหน้านี้จะโดนเทขายอย่างหนัก เพราะได้รับผลกระทบจาก Bond Yield ขาขึ้นกดดันกระแสเงินสดในอนาคตมีมูลค่าลดลง แต่ในอนาคตแรงกดดันดังกล่าวน่าจะลดลงและทำให้หุ้นเริ่มฟื้นตัวได้จากแนวโน้ม Bond Yield ที่น่าจะผ่านจุดสูงสุดไปแล้ว ขณะที่โดยเฉลี่ยในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา กำไรของหุ้นกลุ่ม Tech เติบโตสูงถึง 10% ต่อปี สูงกว่าดัชนี S&P 500 ที่กำไรเติบโตโดยเฉลี่ย 7% ต่อปี 

Scroll to Top
ไอคอน PDPA

เว็บไซต์นี้มีการจัดเก็บคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการใช้งานเว็บไซต์ของท่านให้ดียิ่งขึ้น และนำเสนอโฆษณาที่เกี่ยวข้องและตรงกับความสนใจของท่าน โดยท่านสามารถศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้จาก นโยบายการใช้คุกกี้ กรุณากดยอมรับเพื่อยินยอมให้เราใช้คุกกี้

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    คุกกี้ที่จำเป็นคือสิ่งที่สำคัญสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ ทำให้คุณสามารถใช้งานและเรียกดูเว็บไซต์ได้ตามปกติ คุณไม่สามารถปิดการใช้งานคุกกี้เหล่านี้ในระบบของเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้ที่จำเป็น

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้

บันทึกการตั้งค่า