จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส COVID-19 ที่กินเวลามาอย่างยาวนานนั้น เชื่อว่าเราทุกคนคงได้เรียนรู้วิธีการดูแลตัวเองกันเป็นอย่างดีแล้ว ไม่ว่าจะเป็นหมั่นทำความสะอาด ล้างมือบ่อยๆ เช็ดหรือพ่นแอลกอฮอล์ทุกครั้งเมื่อสัมผัสสิ่งของต่างๆ หรือสวมหน้ากากอนามัยเมื่อต้องอยู่ในพื้นที่สาธารณะ
แต่ไม่นานมานี้ มีคุณหมอหลายท่านได้ออกมาเชิญชวนคนไทยสวมหน้ากาก 2 ชั้น (Double Mask) โดยชั้นแรกเป็นหน้ากากอนามัย และชั้นที่ 2 เป็นหน้ากากผ้า เพื่อลดการแพร่เชื้อและลดการรับเชื้อ COVID – 19 โดยอ้างอิงข้อมูลงานวิจัยจากศูนย์ควบคุมและป้องกันโรค สหรัฐฯ (CDC) ที่ได้ทำการทดลองประสิทธิภาพในการป้องกันละอองที่มาจากการไอ ผ่านการสวมหน้ากากในแบบต่างๆ ซึ่งผลปรากฎดังนี้

จากผลการทดลองจะเห็นได้ว่าการสวมหน้ากาก 2 ชั้น สามารถป้องกันเชื้อจากการไอได้มากถึง 85.4% การสวมหน้ากากอนามัย 1ชั้น ป้องกันได้ 56.1% และการสวมหน้ากากผ้า 1 ชั้น ป้องกันได้เพียง 51.4%
การทดลองต่อมาได้จำลองเหตุการณ์การสนทนาระหว่างผู้ติดเชื้อกับผู้ไม่ติดเชื้อ โดยแบบจำลองที่ 1 และ 2 ฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดสวมหน้ากาก 2 ชั้น และแบบจำลองที่ 3 ทั้งสองฝ่ายต่างสวมหน้ากาก 2 ชั้น พบว่า หากผู้ติดเชื้อและผู้ไม่ติดเชื้อ ใส่หน้ากาก 2 ชั้นทั้งคู่ สามารถป้องกันและหยุดการแพร่เชื้อได้สูงถึง 96.4% (ตามภาพด้านล่าง)

จะเห็นได้ว่า การใส่หน้ากาก 2 ชั้นนั้น จะช่วยให้เราปลอดภัยขึ้นและป้องกันการแพร่เชื้อได้มากขึ้นจริงๆ แต่ก็ต้องสวมหน้ากากให้ถูกวิธีกันด้วยนะคะ ซึ่งวิธีที่ถูกต้องมีดังนี้
1. สวมหน้ากากที่ได้มาตรฐานและมีแกนบริเวณสันจมูก ตรวจว่าใส่แล้วกระชับใบหน้า ไม่มีช่องว่าง โดยใช้มืออังบริเวณบนสันจมูก ข้างแก้ม และใต้คาง ให้มั่นใจว่าไม่มีลมรั่วออกมา

2. ใส่หน้ากาก 2 ชั้น โดยชั้นแรกด้านในเป็นหน้ากากอนามัย และชั้นนอกเป็นหน้ากากผ้าที่ทำให้กระชับขึ้น

ที่มา:ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรค สหรัฐฯ (CDC) และ ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์