ในการเลือกซื้อประกันสุขภาพแบบไหนนั้นไม่มีถูกไม่มีผิด เนื่องจากในการเลือกซื้อประกันสุขภาพมีปัจจัยหลายอย่างในการตัดสินใจ ซึ่งแต่ละคนก็จะมีความต้องการที่ไม่เหมือนกัน บางคนก็ดูที่ความคุ้มครองคุ้มค่า ถึงแม้จะต้องจ่ายเบี้ยแพง แต่ความคุ้มครองตรงกับที่ต้องการ หรือบางคนยอมลดความคุ้มครองลงมาหน่อย แต่เลือกที่งบประมาณจ่ายไหว
วันนี้ทิสโก้อินชัวร์มีคำแนะนำในการเลือกซื้อประกันสุขภาพมาให้เป็นตัวช่วยในการตัดสินใจในการเลือกซื้อประกันสุขภาพ มาฝากกันครับ
ประเภทของประกันสุขภาพ
โดยทั่วไป ประกันสุขภาพมี 2 ประเภทหลักๆ คือ ประกันสุขภาพส่วนบุคคล และ ประกันสุขภาพกลุ่ม
ประกันสุขภาพส่วนบุคคล เหมาะสำหรับบุคคลทั่วไปที่ต้องการความคุ้มครองด้านสุขภาพ โดยเราสามารถเลือกซื้อความคุ้มครองและวงเงินได้ตามที่ต้องการ เบี้ยประกันจะขึ้นอยู่กับปัจจัยต่างๆ เช่น อายุ เพศ โรคประจำตัว และประวัติการรักษาพยาบาล
ประกันสุขภาพส่วนบุคคล แบ่งออกเป็น 2 ประเภทย่อยๆ คือ
ประกันสุขภาพแบบผู้ป่วยใน (IPD) จะให้ความคุ้มครองค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลในกรณีที่ต้องนอนพักรักษาตัวในโรงพยาบาล เช่น ค่าห้อง ค่าผ่าตัด ค่ายา เป็นต้น
ประกันสุขภาพแบบผู้ป่วยนอก (OPD) จะให้ความคุ้มครองค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาล เมื่อมาใช้บริการที่โรงพยาบาลหรือคลินิก เช่น ค่าตรวจ ค่ารักษา ค่ายา เป็นต้น
และหากต้องการความคุ้มครองที่ครอบคลุมทั้งผู้ป่วยในและผู้ป่วยนอกก็สามารถทำได้เช่นเดียวกัน ด้วยการเลือกซื้อประกันสุขภาพแบบเหมาจ่าย ซึ่งให้ความคุ้มครองค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลโดยไม่มีการจำกัดวงเงินตามที่เราได้เลือกซื้อความคุ้มครองไว้
ประกันสุขภาพกลุ่ม เหมาะสำหรับพนักงานบริษัทหรือกลุ่มบุคคลที่ทำงานที่ร่วมกัน ซึ่งนายจ้าง บริษัทหรือองค์กรจะเป็นฝ่ายรับผิดชอบค่าเบี้ยประกันแทนลูกจ้าง เบี้ยประกันจะขึ้นอยู่กับจำนวนผู้เอาประกันและแผนความคุ้มครอง ส่วนใหญ่จะได้รับความคุ้มครองตามเงื่อนไขของประกันกลุ่มที่บริษัทกำหนด ซึ่งค่าเบี้ยประกันสุขภาพกลุ่มจะมีค่าเบี้ยประกันที่ต่ำกว่าเบี้ยประกันสุขภาพส่วนบุคคล เพราะบริษัทประกันสามารถแบ่งรับความเสี่ยงกับนายจ้างหรือองค์กรได้นั่นเอง
การเลือกซื้อประกันสุขภาพ ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง รวมถึงปัจจัยแต่ละคนก็แตกต่างกัน ต่อไปนี้เป็นคำแนะนำเบื้องต้นในการเลือกซื้อประกันสุขภาพ จากทิสโก้อินชัวร์
1. ตรวจสอบตัวเราก่อนว่า เราต้องการประกันสุขภาพแบบไหน เนื่องจากประกันสุขภาพมีความคุ้มครองหลายรูปแบบให้เลือก โดยพิจารณาความคุ้มครองให้ครบตามที่เราต้องการ เช่น ค่ารักษาพยาบาล ค่าห้อง ค่าอาหาร ค่าผ่าตัด ค่ายา ค่าทันตกรรม ค่ารักษาพยาบาลผู้ป่วยนอก เป็นต้น
2. พิจารณางบประมาณ ประเมินค่าใช้จ่ายที่จะชำระเบี้ยประกันว่าเราสามารถชำระเบี้ยได้ตามกำหนดหรือไม่ เพื่อจะได้วางแผนค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นได้ถูก
3. ให้เปรียบเทียบแผนประกันจากหลายๆบริษัท เพื่อหาแผนประกันที่เหมาะกับตัวเราและงบประมาณที่ตั้งไว้
4. อ่านรายละเอียดและเงื่อนไขความคุ้มครอง และข้อยกเว้นให้ชัดเจน เพื่อไม่ให้เกิดความเข้าใจผิดก่อนตัดสินใจทำประกันภัย
5. หาตัวแทนที่เชี่ยวชาญหรือบริษัทประกันที่น่าเชื่อถือ มีความมั่นคง และสามารถติดต่อสอบถามได้ตลอด ในกรณีที่เรามีปัญหาข้อสงสัยจะได้สอบถามได้ทันท่วงที
6. หากมีข้อสงสัยที่ไม่แน่ใจให้สอบถามข้อมูลให้ชัดเจนก่อนตัดสินใจซื้อ เพื่อไม่ให้เกิดประเด็นในการเคลมสินไหมภายหลัง
7. บริการหลังการขาย ควรเลือกบริษัทประกันที่มีบริการหลังการขายดี และเป็นที่ยอมรับในตลาด เนื่องจากเวลาเกิดเคลมประกัน เราจะได้รับบริการที่รวดเร็วและสะดวกกว่า
8. การลดหย่อนภาษี แผนประกันสุขภาพโดยส่วนใหญ่จะสามารถนำไปลดหย่อนภาษีได้
ที่กล่าวมาเป็นเพียงคำแนะนำเบื้องต้นเท่านั้น เราควรศึกษารายละเอียดก่อนตัดสินใจเลือกซื้อ และหวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์ในการเลือกซื้อประกันสุขภาพที่เหมาะสมให้กับทุกคน
อย่าลืมว่า! การเลือกทำประกันสุขภาพเป็นการเตรียมความพร้อมรับมือกับค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคต ช่วยให้เราสามารถเข้าถึงการรักษาได้อย่างทันท่วงทีและช่วยแบ่งเบาให้เราอุ่นใจไม่ต้องกังวลกับค่าใช้จ่ายที่อาจจะสูงมาก เพราะเราไม่รู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นบ้างในอนาคต จริงไหมครับ?
