หลังจากที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ ดำเนินนโยบายการเงินแบบตึงตัวมาอย่างต่อเนื่องในช่วงที่ผ่านมา ล่าสุดเริ่มมีสัญญาณที่ชัดเจนมากขึ้นว่าจุดเปลี่ยนของวัฏจักรดอกเบี้ยอาจใกล้เข้ามาแล้ว เมื่อตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ หลายตัวเริ่มสะท้อนถึงการชะลอตัว ทั้งในภาคการผลิต การบริโภค และตลาดแรงงาน ซึ่งเป็นปัจจัยที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ ให้ความสำคัญในการประเมินทิศทางนโยบายการเงินในระยะถัดไป ส่งผลให้ตลาดและนักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าในระยะถัดไปมีแนวโน้มที่จะเห็นการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายของสหรัฐฯ
แม้ว่าในช่วงที่ผ่านมา ตลาดหุ้นต่างประเทศจะปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะหุ้นในกลุ่มเทคโนโลยีขนาดใหญ่ จนเริ่มมีการพูดกันถึงระดับราคาที่ค่อนข้างแพง หากพิจารณาจากตัวชี้วัดด้านมูลค่า (valuation) เช่น อัตราส่วนราคาต่อกำไร (PE ratio) ของตลาดหุ้นสหรัฐฯ ที่ปรับตัวสูงขึ้นเกินกว่าค่าเฉลี่ยไปพอสมควร แต่การเข้าสู่ช่วงดอกเบี้ยขาลงถือเป็นจังหวะสำคัญที่ควรจับตา เพราะมักเป็นช่วงที่สินทรัพย์เสี่ยงหลายประเภทสามารถสร้างผลตอบแทนได้ดี โดยเรามองว่าหุ้นกลุ่ม “Quality” ซึ่งหมายถึงบริษัทที่มีฐานะการเงินแข็งแกร่ง กระแสเงินสดมั่นคง และมีความสามารถในการทำกำไรอย่างสม่ำเสมอ จะได้รับความสนใจมากขึ้นในช่วงที่เศรษฐกิจโลกเริ่มชะลอตัวลง
นอกจากนี้ หุ้นกลุ่ม “Defensives” เช่น กลุ่มสาธารณูปโภค (Utilities) ก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่น่าสนใจ เพราะมักมีรายได้ที่มั่นคงและไม่ผันผวนตามวัฏจักรเศรษฐกิจมากนัก จึงสามารถช่วยลดความเสี่ยงของพอร์ตการลงทุนได้ในช่วงที่ตลาดยังมีความผันผวนสูง
อีกหนึ่งสินทรัพย์ที่ควรจับตา คือ REITs (Real Estate Investment Trusts) ซึ่งมีลักษณะคล้ายพันธบัตรในแง่ของการจ่ายกระแสเงินสดสม่ำเสมอ และมักได้รับประโยชน์โดยตรงจากการลดดอกเบี้ย เพราะช่วยลดต้นทุนทางการเงิน และเพิ่มความน่าสนใจของอัตราผลตอบแทนเมื่อเทียบกับพันธบัตรรัฐบาล
โดยสรุป ช่วงดอกเบี้ยขาลงไม่ใช่เพียงแค่สัญญาณของการผ่อนคลายนโยบายการเงิน แต่ยังเป็น “โอกาส” สำหรับนักลงทุนในการปรับพอร์ตให้เหมาะสมกับภาวะเศรษฐกิจที่เปลี่ยนแปลงไป การเลือกลงทุนในสินทรัพย์ที่มีคุณภาพสูงและมีความสามารถในการรับมือกับความผันผวน จะเป็นกุญแจสำคัญในการสร้างผลตอบแทนที่ยั่งยืนในระยะยาว