ลงทุนหุ้นปันผลอย่างมั่นใจ ด้วยการวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานและกระแสเงินสด

ภายใต้ภาวะเศรษฐกิจมหภาคของไทยที่มีความท้าทายหลายด้าน หุ้นปันผลถือเป็นหนึ่งในทางเลือกการลงทุนที่น่าสนใจในตลาดหุ้นไทย เนื่องจากบริษัทที่มีการจ่ายเงินปันผลออกในระดับสูงนั้นมักเป็นบริษัทที่มีความเข้มแข็งทางฐานะทางการเงิน ผ่านวัฏจักรทางเศรษฐกิจมาแล้วหลายรอบในอดีต

แม้การจ่ายเงินปันผลของบริษัทนั้นขึ้นอยู่กับกำไรสุทธิที่ประกอบกิจการมาได้ ซึ่งเป็นตัวเลขทางบัญชีในงบการเงิน แต่เงินสดที่บริษัทจ่ายเป็นปันผลมาให้กับผู้ถือหุ้นนั้นควรมาจากกระแสเงินสดที่เกิดขึ้นจริง และเป็นสภาพคล่องส่วนเกินที่เหลือในบริษัทหลังหักภาระทางธุรกิจ ได้แก่ ภาระการลงทุนที่จำเป็นในการดำเนินธุรกิจ และการจ่ายชำระคืนหนี้สิน โดยที่ยังทำให้บริษัทสามารถดำเนินธุรกิจได้ต่อไปในระยะยาว จะเห็นได้ว่าในบางครั้งตัวเลขรายได้และกำไรมีทิศทางสดใส แต่ในที่สุดบริษัทกลับพบกับปัญหาสภาพคล่องในหลายกรณีได้เช่นกัน ส่งผลให้การจ่ายปันผลที่ดูน่าสนใจของบริษัทในบางครั้งอาจเป็นเรื่องดีเพียงชั่วคราว และอาจประสบกับผลขาดทุนจากการปรับตัวลดลงของราคาหุ้นในภายหลัง ดังนั้น ในบทความนี้จึงอยากนำเสนอการวิเคราะห์กิจการผ่านมุมมองของกระแสเงินสด เพื่อใช้เป็นเครื่องมือในการคัดกรองความเสี่ยงดังกล่าว

ในงบการเงินของบริษัทจะมีการรายงานสภาพคล่องที่ไหลเข้าหรือออกจากกิจการผ่านงบกระแสเงินสด โดยงบกระแสเงินสดนั้นแบ่งออกเป็น 3 แหล่งกิจกรรมหลักของบริษัท ไล่เรียงจากบนลงล่าง ได้แก่

1) กระแสเงินสดจากกิจกรรมดำเนินงาน ซึ่งเกิดจากการประกอบกิจการ

2) กระแสเงินสดจากกิจกรรมการลงทุน และ

3) กระแสเงินสดจากกิจกรรมจัดหาเงิน

โดยที่กระแสเงินสดในข้อ 2) และ 3) ส่วนใหญ่คือภาระทางธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการลงทุนและการจัดการหนี้สิน ดังที่ได้กล่าวไปข้างต้น โดยพื้นฐานแล้วนั้น บริษัทที่มีความสามารถในการจ่ายเงินปันผล ต้องมีกระแสเงินสดจากกิจกรรมดำเนินงานในข้อ 1) เป็นเครื่องหมายบวกในงบการเงิน นั่นหมายถึงมีเงินสดรับจริงจากการประกอบธุรกิจ และหักด้วยเงินสดจ่ายการลงทุนในข้อ 2) ที่มักจะแสดงเป็นเครื่องหมายลบในงบการเงินสุทธิ เป็นเงินสดคงเหลือรับเข้ามาในบริษัทที่เป็นบวก ในขั้นตอนนี้จะเรียกว่า กระแสเงินสดอิสระ (Free Cash Flow) ซึ่งหมายถึง เป็นเงินสดคงเหลือที่ไม่มีภาระผูกพันในเชิงการดำเนินธุรกิจ ส่วนขั้นตอนสุดท้าย คือการจัดสรรกระแสเงินสดอิสระดังกล่าวให้กับเจ้าหนี้และผู้ถือหุ้น ในรูปของการจ่ายคืนหนี้และเงินปันผล ตามลำดับ

ดังนั้น ในกรณีที่ดีที่สุด นั่นคือ บริษัทมีความสามารถในการสร้างเงินสดจากการดำเนินงานในระดับสูง มีค่าใช้จ่ายการลงทุนที่ใช้งบประมาณอย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมทั้งมีหนี้สินในระดับต่ำ จึงเหลือเป็นเงินสดจ่ายคืนให้กับผู้ถือหุ้นผ่านเงินปันผลในระดับสูง ในทางกลับกัน นักลงทุนควรระมัดระวังในกรณีที่กระแสเงินสดมีทิศทางตรงกันข้าม โดยเฉพาะหากดูสวนทางกับงบกำไรขาดทุนที่ดูสดใส ยกตัวอย่างเช่น การบันทึกรายได้คงค้างทางบัญชีที่ไม่สอดคล้องกับเงินสดรับ การบันทึกรายจ่ายทางบัญชีที่น้อยกว่าเงินสดออก รายการพิเศษที่เกิดขึ้นครั้งเดียวต่างๆ

อีกหนึ่งปัจจัยประกอบสำคัญที่ละเลยไม่ได้ นั่นคือ ปัจจัยพื้นฐานและแนวโน้มทางธุรกิจของบริษัท ว่าบริษัทจะสามารถจ่ายปันผลให้เราได้สม่ำเสมอไปตลอดได้หรือไม่ โดยเฉพาะความสามารถในการแข่งขันทางธุรกิจที่เป็นที่มาของการสร้างเงินสดในแง่ต่างๆ ซึ่งอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ในอนาคต การเปรียบเทียบกับคู่แข่งในอุตสาหกรรมก็เป็นหนึ่งในวิธีที่ช่วยให้เราเข้าใจคุณภาพของบริษัทในด้านต่างๆ รวมถึงอุตสาหกรรมที่บริษัททำธุรกิจอยู่ เพื่อประกอบการตัดสินใจลงทุนที่ดีในระยะยาว

Scroll to Top
ไอคอน PDPA

เว็บไซต์นี้มีการจัดเก็บคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการใช้งานเว็บไซต์ของท่านให้ดียิ่งขึ้น และนำเสนอโฆษณาที่เกี่ยวข้องและตรงกับความสนใจของท่าน โดยท่านสามารถศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้จาก นโยบายการใช้คุกกี้ กรุณากดยอมรับเพื่อยินยอมให้เราใช้คุกกี้

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    คุกกี้ที่จำเป็นคือสิ่งที่สำคัญสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ ทำให้คุณสามารถใช้งานและเรียกดูเว็บไซต์ได้ตามปกติ คุณไม่สามารถปิดการใช้งานคุกกี้เหล่านี้ในระบบของเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้ที่จำเป็น

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้

บันทึกการตั้งค่า