TH EN

ลงทุนเมกะเทรนด์ ที่ลึกกว่าเมกะเทรนด์

โพสต์เมื่อ 9 กรกฎาคม 2564 | บทความโดย : นางวรสินี เศรษฐบุตร
ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายพัฒนาผลิตภัณฑ์กองทุน และสื่อสารการตลาด สายธุรกิจธนบดี ธนาคารทิสโก้

หลายคนอาจสงสัยว่า “มีด้วยหรือ กองทุนเมกะเทรนด์ที่ลึกกว่าเมกะเทรนด์?” แน่นอนว่า คำตอบก็คือ “มี” ซึ่งบทความนี้จะพาคุณไปค้นหาว่า กองทุนเมกะเทรนด์ที่ว่านี้ มีอะไรบ้าง และทำไมจึงน่าสนใจลงทุนอย่างมาก ในเดือน ก.ค.นี้

        ในช่วงที่ผ่านมา กองทุนเมกะเทรนด์ อาจเป็นหนึ่งในความหวังที่จะช่วยเพิ่มโอกาสสร้างผลตอบแทนให้กับพอร์ตได้ โดยหลายคนต่างมองว่าธุรกิจในกลุ่มเมกะเทรนด์ ซึ่งนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการกินอยู่ การใช้สินค้าและบริการต่างๆ จะช่วยให้พอร์ตสามารถเติบโตอย่างต่อเนื่องยาวนาน แม้ต้องเผชิญกับภาวะเศรษฐกิจขาลงบ้างก็ตาม ...

แล้ว ทำไมเราต้องสนใจธุรกิจ “เมกะเทรนด์ ที่ลึกกว่าเมกะเทรนด์” อีก?

        “คุณวรสินี เศรษฐบุตร” ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายพัฒนาผลิตภัณฑ์กองทุน และสื่อสารการตลาด สายธุรกิจธนบดี ธนาคารทิสโก้ ได้อธิบายว่า “เมกะเทรนด์เชิงลึก” มีความพิเศษกว่าเมะเทรนด์ทั่วไปตรงที่สามารถสร้างความแตกต่างจากเมกะเทรนด์โดยทั่วไปได้อย่างน่าสนใจ เช่น เป็นเมกะเทรนด์ประเทศดาวรุ่งที่โดดเด่นชัดเจนกว่าเมกะเทรนด์ประเทศอื่น หรือ เป็นหมวดธุรกิจที่เป็นเมกะเทรนด์ ที่น่าสนใจกว่าธุรกิจทั่วไป เป็นต้น

        โดยในเดือนก.ค. ธนาคารทิสโก้ ได้คัดเลือก 3 กลุ่มเมกะเทรนด์เชิงลึกที่น่าสนใจ ก็คือ

· เมกะเทรนด์จีน ... ต้อนรับการลงทุนเปลี่ยนทิศ “จากตะวันตกสู่ตะวันออก”

        การลงทุนกำลังเปลี่ยนทิศ “จากตะวันตกสู่ตะวันออก” (from West to East) ซึ่งมหาอำนาจแห่งโลกตะวันออกอย่าง “ประเทศจีน” คือเมกะเทรนด์ที่น่าสนใจอย่างมาก นั่นก็เพราะประเทศนี้มี 5 ธุรกิจเมกะเทรนด์อยู่รวมกันอย่างน่าสนใจ ได้แก่

        1. E-commerce กินรวบพลังบริโภคมหาศาลในประเทศ : แม้จะยังต้องต่อสู้กับ COVID-19 แต่จากข้อมูลของ eMarketer (As of : Dec 20) พบว่า ประชากรชาวจีนยังคงมีแรงซื้อมหาศาล โดยเฉพาะการชอปปิ้งผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ ส่งผลให้จัน กลายเป็น 10 ประเทศที่มียอดค้าปลีกผ่าน E-commerce สูงที่สุดในปี ค.ศ. 2020 - 2021 โดยยอดขายผ่าน E-commerce ของจีนปี 2020 สูงถึง 2,297 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เหนือกว่าสหรัฐฯ ซึ่งอยู่อันดับ2 ที่ทำได้ 795 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และอันดับ 3 อย่างประเทศอังกฤษ ซึ่งอยู่ที่180 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ทั้งนี้ในปี ค.ศ. 2021 คาดว่า 52.1% ของยอดค้าปลีกในจีนจะมาจาก E-commerce และธุรกิจนี้จะยังคงมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่องจากกำลังซื้อที่ขยายตัว

        2.ธุรกิจเทคโนโลยีส่งสัญญาณโตแซงสหรัฐฯ : ศูนย์ข้อมูลสารสนเทศและโครงข่ายอินเทอร์เน็ตแห่งชาติจีน (China Internet Network Information Center – CNNIC) ระบุว่า ประเทศจีนมีผู้ใช้งานอินเทอร์เน็ตเกือบ 1 พันล้านราย (As of : June 20) ดังนั้นด้วยจำนวนการใช้งานที่สูงมาก จึงส่งผลให้รายได้ของบริษัทอินเทอร์เน็ตจีนเติบโตสูงกว่าบริษัทในสหรัฐฯอย่างมาก เห็นได้จากบริษัทเทคโนโลยีอย่าง TENCEN มีอัตราการเติบโตในระยะ 1 ปี และ 5ปี สูงกว่า เมื่อเทียบกับยักษ์ใหญ่ในวงการโซเชียลมีเดียอย่าง Facebook (Source : Bloomberg, KraneShares :31 Dec 20)

        3.ธุรกิจนวัตกรรมการแพทย์โดดเด่น : จีนเป็นหนึ่งในประเทศที่อุตสาหกรรม Healthcare เติบโตมากที่สุดในโลก เห็นได้จากค่าเฉลี่ยทบต้นในช่วงระยะเวลา 5 ปีอยู่ที่ 11% ต่อปี ในขณะที่สหรัฐฯมีอัตราการเติบโตเพียง 4% (Source : World Health Organization : 31 March 21) และยังมีการคาดการณ์ว่ายอดขายด้านเวชภัณฑ์ของจีนจะเติบโตขึ้นอย่างน่าสนใจในอนาคตอีกด้วย

        4.ธุรกิจพลังงานสะอาดขยายตัว : จีนมีการลงทุนเพื่อการปฏิรูปพลังงานมากที่สุดในโลก ส่งผลให้สามารถแซงหน้าประเทศผู้นำอื่นๆ เช่น สหรัฐฯ อินเดีย เยอรมันนี ญี่ปุ่น ในด้านการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานทดแทนช่วงหลายปีที่ผ่านมาได้ต่อเนื่อง (Source : REN21’s Renewables 2020 Global Status Report (GSR))

        5. ผู้นำของโลกด้านการเปลี่ยนมาใช้ยานพาหนะไฟฟ้า : จีนเป็นผู้นำของโลกในด้านการเปลี่ยนมาใช้ยานพาหนะไฟฟ้า โดยคาดการณ์ของ Canalys ระบุ ว่าในปี ค.ศ. 2021 จีนจะมีอัตราการเติบโตของยานพาหนะไฟฟ้ากว่า 51% และยอดขายของยานพาหนะไฟฟ้าจะมีสัดส่วนถึง 1 ใน 3 ของยอดขายรถในปี ค.ศ. 2025

        สรุป : กองทุนรวมที่ลงทุนในประเทศจีน อาจไม่ได้ลงทุนในธุรกิจเมกะเทรนด์ดาวรุ่งเหล่านี้ทั้งหมด ดังนั้นการเลือกกองทุนรวมที่มีนโยบายลงทุนในประเทศจีน จึงจำเป็นต้องวิเคราะห์เจาะลึกมากขึ้นว่า มีธุรกิจเหล่านี้ในกองทุนหรือไม่

· Biotechnology ... ธุรกิจกอบกู้โลกด้วยวัคซีน

        หลายคนอาจรู้จัก ธุรกิจนวัตกรรมทางการแพทย์ ด้าน Biotechnology ซึ่งเป็นความหวังของคนทั้งโลกในด้านการผลิตวัคซีน ต้านและรักษาไวรัส COVID-19 กันบ้างแล้ว แต่ธุรกิจนี้ ไม่ได้มีเพียงการผลิตวัคซีนป้องกัน COVID-19 เท่านั้น ่เพราะหลายบริษัทยังมีการคิดค้นตัวยาที่น่าสนใจ และเป็นที่ต้องการของโลกอีกหลายชนิด ยกตัวอย่างเช่น

        Sino Biopharmaceutical : นอกจากผลิตวัคซีน SINOVAC แล้ว บริษัทยังมีการวิจัยยาที่เกี่ยวข้องกับมะเร็ง เช่น ยารักษามะเร็งในไต ยาที่ลดการคลื่นไส้หลังคีโม ฯลฯ ด้วย และที่สำคัญบริษัทนี้ยังมีทีมวิจัยและพัฒนา (R&D) จำนวนมากถึง3.2 พันคน เพื่อวิเคราะห์และวิจัยตลาดเพิ่มขึ้น ในอนาคตเชื่อว่าจะมียาใหม่ๆเกิดขึ้นอีก

        BIOGEN : บริษัทผู้คิดค้นยาอัลไซเมอร์ที่ชื่อว่า “Aduhelm” ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาสหรัฐ (FDA) ประกาศอนุมัติแล้วในช่วงที่ผ่านมา นอกจากนี้ BIOGEN ยังมีการวิจัยและพัฒนายารักษาหลอดเลือด และยาที่เกี่ยวข้องกับประสาทวิทยาอีกมากที่อยู่ในขึ้นตอนทดลอง

        สรุป : กองทุนรวมที่ลงทุนในธุรกิจ Biotechnology ยังคงเป็นเมกะเทรนด์ที่น่าสนใจในระยะยาว เพราะบริษัทในกลุ่มนี้มีสินค้าเวชภัณฑ์จำนวนมากที่โลกเฝ้ารอคอย

· Semiconductor ... พลังขับเคลื่อนธุรกิจเมกะเทรนด์

        หากคุณชื่นชอบ ใน 2 เมกกะเทรนด์แรกที่นำเสนอไปข้างต้น ก็ไม่ควรพลาดที่จะทำความรู้จัก “Semiconductor” ซึ่งเป็นแรงขับเคลื่อนของธุรกิจเมกะเทรนด์ดาวรุ่งหลายอุตสาหกรรม

        “Semiconductor” คืออะไร? คำตอบก็คือ เป็นวัสดุที่ใช้ทำอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ตั้งแต่ชิ้นส่วนประกอบขนาดเล็กๆ เช่น แผงวงจร รวมหรือไอซี (Integrated circuit) รวมไปถึงแผนวงจรที่ซับซ้อน (PCB - Print Circuit Board) เพื่อใช้เป็นตัวควบคุมการทำงานของอุปกรณ์ต่างๆ

        โดย Semiconductor เป็นชิ้นส่วนสำคัญที่ใช้ในหลายอุตสาหกรรม เช่น ด้านการแพทย์ หุ่นยนต์ คอมพิวเตอร์ แหล่งเก็บพลังงาน ฯลฯ ส่งผลให้ในช่วง 2016 – 2022F ภาพรวมขนาดตลาด Semiconductor จึงสามารถเติบโตเฉลี่ยได้ถึงปีละ 8.9% (Source : Pwc Research 2019)

        สรุป : ในระยะสั้น - ระยะกลาง ธุรกิจนี้นับเป็นกลุ่มที่น่าสนใจ เพราะความต้องการของวัสดุที่ใช้ทำอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ยังคงมีแนวโน้มขยายตัว

 

        หากคุณสนใจกองทุนรวม “เมกะเทรนด์เชิงลึก” ที่มีนโยบายการลงทุนในแบบที่เราแนะนำ คลิกลิงก์ด้านล่าง เพื่อติดตามรายละเอียดกองทุนรวมที่เราคัดสรร หรือสามารถกรอกข้อมูลเพื่อให้เจ้าหน้าที่ติดต่อกลับ

© สงวนลิขสิทธิ์ 2561 ธนาคารทิสโก้ จำกัด มหาชน