TH EN

จากกองทุนหุ้นไทยไซซ์กลาง-เล็ก ท็อปฟอร์ม สู่เวอร์ชั่น “RMF”

โพสต์เมื่อ 8 พฤศจิกายน 2564 | บทความโดย : นายสาห์รัช ชัฏสุวรรณ” ผู้อำนวยการสายการตลาด และที่ปรึกษาการลงทุน บลจ. ทิสโก้

กองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF) เป็นสิ่งที่นักลงทุนคาดหวังว่า จะช่วยออมเงินระยะยาวเพื่อการเกษียณได้ดีขึ้น แต่จะดีกว่าไหม? ถ้ากองทุนที่เลือกมีโอกาสให้ผลตอบแทนเหนือกว่าเกณฑ์มาตรฐาน(Benchmark) ด้วย

        โดยทั่วไป นักลงทุนมักเลือกกองทุน RMFโดยพิจารณาจากหลายปัจจัย แต่ในท้ายที่สุดทุกคนต่างคาดหวังว่ากองทุนที่เลือก จะสามารถสร้างผลตอบแทนได้ดีอย่างสม่ำเสมอในระยะยาวเมื่อเปรียบเทียบกับคู่แข่งในกลุ่มเดียวกัน และควรจะเป็นกองทุนที่ให้อัตราผลตอบแทนที่สูงกว่าค่าผลตอบแทนอ้างอิง (Benchmark) ด้วย

        บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ทิสโก้ จึงคัดเลือก กองทุนเปิด ทิสโก้ สแตรทิจิก เพื่อการเลี้ยงชีพ ชนิดผู้ลงทุนทั่วไป (TSFRMF-A) ความเสี่ยงระดับ 6 (เสี่ยงสูง) ซึ่งเป็นกองทุนที่มีนโยบายการลงทุนเชิงรุก (Active Fund) ไม่มีข้อจำกัดเรื่องกลยุทธ์การลงทุน สามารถลงทุนได้ทั้งหุ้นขนาดใหญ่ ขนาดกลาง และขนาดเล็ก ให้เป็นกองทุนหลักของกองทุน RMF กองใหม่ ที่มีชื่อว่ากองทุนเปิด ทิสโก้ สแตรทิจิก เพื่อการเลี้ยงชีพ ชนิดผู้ลงทุนทั่วไป (TSFRMF-A)

        ทำไมเราจึงเลือก TSF-A ให้เป็นกองทุนหลัก ???

ผลงานในอดีตของ TSF-A

        “คุณสาห์รัช ชัฏสุวรรณ” ผู้อำนวยการสายการตลาด และที่ปรึกษาการลงทุน บลจ. ทิสโก้ จำกัด กล่าวว่า บลจ.ทิสโก้ ได้เสนอขาย กองทุนเปิด ทิสโก้ สแตรทิจิก เพื่อการเลี้ยงชีพ ชนิดผู้ลงทุนทั่วไป

        (TSFRMF-A) ความเสี่ยงระดับ 6 (เสี่ยงสูง) ซึ่งเป็นกองทุนรวมตราสารทุนเนนลงทุนในหนวยลงทุนของ กองทุนเปด ทิสโก สแตรทิจิก ฟนด ชนิดหนวยลงทุน A (กองทุนหลัก) เพียงกองทุนเดียว

        เนื่องจากพิจารณาแล้ว เห็นว่า TSF-A ซึ่งเป็นกองทุนหลักนั้น มีความโดดเด่น ดังนี้

        1.ผลตอบแทนอันดับ 1 : จากข้อมูลจาก Morningstars ณ วันที่ 30 กันยายน 2564 ระบุว่า กองทุน TSF-A มีผลการดำเนินงานย้อนหลัง 3 ปี 5 ปี 7 ปี และ 10 ปี สูงเป็นอันดับที่ 1 ของประเภทกองทุนหุ้นไทย Equity Small/Mid-Cap (หุ้นขนาดเล็ก/ขนาดกลาง)1

        2.ผลตอบแทนสูงกว่า Benchmark : ในช่วง 1 ปีที่ผ่านมาตามข้อมูลของ บลจ. ทิสโก้ ณ วันที่ 30 กันยายน 2564 กองทุน TSF-A ซึ่งเป็นกองทุนหลัก สามารถทำผลตอบแทนได้ 57.31% มากกว่าดัชนี SET TRI ที่เป็นดัชนีชี้วัด (Benchmark) ที่ในช่วงเวลาเดียวกันมีอัตราผลตอบแทน 33.56% ซึ่งกองทุน TSF-A สามารถเอาชนะดัชนีชี้วัดได้ 23.75% และผลการดำเนินงานย้อนหลัง 3 เดือน 6 เดือน 1 ปี 3 ปี 5 ปี 10 ปี และตั้งแต่จัดตั้งกองทุนถึงปัจจุบัน อยู่ที่ 5.62% 6.35% 57.31% ต่อปี 16.54% ต่อปี 16.75% ต่อปี 14.45% ต่อปี และ 12.81% ต่อปี ขณะที่ในช่วงเวลาเดียวกันดัชนีชี้วัด SET TRI มีผลตอบแทนย้อนหลังอยู่ที่ 6.62% 14.88% 15.13% ต่อปี -3.48% ต่อปี 5.66% ต่อปี 7.78% ต่อปี และ 8.87% ต่อปี2

        โดย “คุณสาห์รัช” อธิบายว่ากุญแจสำคัญ ที่ช่วยให้TSF-A ซึ่งเป็นกองทุนหลัก สร้างผลตอบแทนได้ดีกว่า Benchmark ในหลายช่วงเวลาที่ผ่านมา เพราะ TSF-A เป็นกองทุนที่มีนโยบายการลงทุนเชิงรุก (Active Fund) ไม่มีข้อจำกัดเรื่องกลยุทธ์การลงทุน จึงสามารถลงทุนได้ทั้งหุ้นขนาดใหญ่ ขนาดกลาง และขนาดเล็ก และปรับเปลี่ยนได้ตามสถานการณ์อย่างยืดหยุ่น

        ขณะที่ในฝั่งของผู้จัดการกองทุน ก็จะคัดเลือกหุ้นด้วยวิธี Bottom Up ซึ่งเป็นวิธีการคัดเลือกด้วยการพิจารณาในมิติต่างๆ จากภาพย่อย ไปสู่ภาพใหญ่ โดยไล่เรียงจากปัจจัยเฉพาะตัวของบริษัท เช่น อัตราส่วนทางการเงินต่างๆ จากนั้น จึงค่อยมองไปในภาพเชิงกว้างขึ้น เช่น คู่แข่ง เศรษฐกิจภาพรวม ฯลฯ

        คัดสรรจนเหลือหุ้นที่จะลงทุนเพียง 10-15 ตัว เพื่อให้ได้หุ้นไทยที่มีปัจจัยพื้นฐานดี มั่นคง และมีแนวโน้มการเติบโตทางธุรกิจที่ดี รวมทั้งยังมีการกระจายพอร์ตการลงทุนไปยังกลุ่มอุตสาหกรรมต่างๆ เพื่อลดความผันผวนของพอร์ตโดยรวมด้วย

        3. ได้รับการจัดอันดับ 5 ดาว : กองทุนTSF-A ได้รับการจัดอันดับ 5 ดาว จาก Morningstars (ข้อมูล ณ วันที่ 30 กันยายน 2564) ทั้งนี้ ผลการดำเนินงานในอดีตของกองทุนรวม ไม่ได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต

        ทั้งนี้ผลการดำเนินงานในอดีตของกองทุนรวม ไม่ได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต

TSFRMF-A พร้อมเสนอขาย 8-17 พ.ย. 

        เพื่อช่วยลูกค้าในการบริหารจัดการภาษี และเพิ่มทางเลือกให้นักลงทุนที่สนใจลงทุนหุ้นไทยมีโอกาสสร้างผลตอบแทนที่โดดเด่นด้วยกองทุนคุณภาพ บลจ.ทิสโก้จึงเปิดเสนอขาย กองทุนเปิด ทิสโก้ สแตรทิจิก เพื่อการเลี้ยงชีพ ชนิดผู้ลงทุนทั่วไป (TSFRMF-A) ความเสี่ยงระดับ 6 (เสี่ยงสูง) กองทุนรวมตราสารทุนเน้นลงทุนในหน่วยลงทุนของ กองทุนเปิด ทิสโก้ สแตรทิจิก ฟันด์ ชนิดหน่วยลงทุน A (กองทุนหลัก) เพียงกองทุนเดียว มูลค่าขั้นต่ำของการซื้อครั้งแรก 1,000 บาท  เสนอขายหน่วยลงทุนครั้งแรก (IPO) 8 - 17 พฤศจิกายน 2564

        โดย  “คุณสาห์รัช” ประเมินว่า แม้ดัชนีหุ้นไทยจะปรับตัวเพิ่มขึ้นมาระดับหนึ่ง แต่บลจ.ทิสโก้เอง มองว่าหุ้นไทยยังคงมีโอกาสปรับขึ้นไปได้ต่อ โดยเป็นผลจากปัจจัยดังนี้

        1.ตัวเลขเศรษฐกิจที่คาดว่าจะค่อยๆ ฟื้นตัว โดยนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่มองว่าเศรษฐกิจไทยจะฟื้นตัวสู่ภาวะปกติได้ในช่วงหลังของปี 2565 จากนโยบายการเงินที่อัตราดอกเบี้ยอยู่ในระดับต่ำ นโยบายการคลังที่ขยายเพดานหนี้สาธารณะเป็น 70% ต่อ GDP ช่วยเพิ่มความสามารถในการกู้เงินเพื่อนำมากระตุ้นเศรษฐกิจ รวมถึงนโยบายกระตุ้นการบริโภคจากภาครัฐที่ออกมาอย่างต่อเนื่อง

        2.ประเทศไทยน่าจะได้รับผลกระทบจากการลดขนาดวงเงินตามมาตรการทางการเงินเชิงปริมาณ (QE Tapering) น้อยกว่าประเทศอื่น เนื่องจากปัจจุบันนักลงทุนต่างชาติถือครองหุ้นไทยในสัดส่วนที่ไม่มากเท่ากับในอดีต ตลาดหุ้นไทยจึงไม่น่ากังวลเรื่องเงินไหลออกเท่าใดนัก

        ทั้งนี้ ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับสิทธิประโยชน์ทางภาษีที่ระบุไว้ในคู่มือการลงทุนของ RMF กรณีไม่ได้ปฏิบัติตามเงื่อนไขทางภาษีจะไม่ได้รับสิทธิประโยชน์ตามเงื่อนไขของกองทุน และควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนการตัดสินใจลงทุน สามารถติดต่อสอบถามรายละเอียดหรือขอรับหนังสือชี้ชวนได้ที่ บลจ. ทิสโก้ หรือ ธนาคารทิสโก้ทุกสาขา หรือ TISCO Contact Center โทร. 0 2633 6000 กด 4, 0 2080 6000 กด 4 และ www.tiscoasset.com Line @TISCOMYFUNDS หรือ แอปพลิเคชัน TISCO My Funds

 

ที่มา

1. จาก Morningstar ประเภทกองทุนหุ้นไทย Equity Small/Mid-Cap (ข้อมูล ณ 30 กันยายน 2564)

2.ผลการดำเนินงานกองทุนรวมที่บริหารโดยบลจ.ทิสโก้ จำกัด (ข้อมูล ณ วันที่ 30 กันยายน 2564)

© สงวนลิขสิทธิ์ 2561 ธนาคารทิสโก้ จำกัด มหาชน