ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ถ้าเศรษฐกิจโลกเป็นเหมือนคนที่ตีตั๋วเล่นรถไฟเหาะ ก็ต้องถือว่าได้เจอแรงเหวี่ยงมาเกือบครบทุกโค้งวัฏจักรแล้ว โดยเฉพาะการแพร่ระบาดของ COVID-19 ซึ่งเป็นเส้นทางที่พาเศรษฐกิจโลกดิ่งลงอย่างรวดเร็ว จากภาวะการปิดเมืองทั่วโลก
หลังจากนั้นก็ได้เข้าสู่เฟสของการขยายตัว (Expansion)ในปี 2021 ซึ่งเกิดจาก 3 เรื่องหลัก
แต่รถไฟขบวนนี้ก็แล่นมาถึงจุดที่ไปต่อไม่ได้ หลังจากที่อัตราเงินเฟ้อปรับตัวสูงขึ้นมาก ทำให้กำลังซื้อลดลง แถมยังมีประเด็นการขึ้นอัตราดอกเบี้ย ซึ่งก็ไปเพิ่มต้นทุนเงินทุนของบริษัทเอกชนต่างๆ ทำให้เศรษฐกิจขึ้นต่อไม่ได้ จนเดินทางไปสู่จุดที่เรียกว่าเศรษฐกิจถดถอย (Recession) และมีโอกาสที่จะถอยลงเรื่อยๆไปถึงจุดต่ำสุด
ในภาวะแบบนี้ เป็นสถานการณ์ที่ทำให้วางแผนลงทุนยากขึ้น หลายคนอาจจะอยากเก็บเงินในแหล่งปลอดภัย เพราะกลัวความเสี่ยงจากภาวะเศรษฐกิจถดถอย ทั้งที่จริงแล้วเรายังมีโอกาสสร้างผลตอบแทนที่สูงขึ้น ด้วยกองทุนรวมที่เน้นธุรกิจ ไบโอเทคโนโลยี และกองทุนรวมดิจิตอล เฮลธ์แคร์
หากซื้อกองทุนรวมที่เน้นธุรกิจด้านไบโอเทคโนโลยีในตอนนี้ จะได้ราคาที่ไม่แพง
เห็นได้จากการที่หุ้นกลุ่มไบโอเทคฯ ซื้อขายในระดับราคาที่ต่ำกว่าดัชนี S&P 500 Healthcare ซึ่งมี P/E อยู่ที่ประมาณ 15.55 เท่า
ในขณะที่ดัชนี S&P500 Biotechnlogy Industry Index ซึ่งเป็นตัวแทนของกลุ่มธุรกิจไบโอเทคฯ เทรดที่ P/E ประมาณ 11.22 เท่า (ข้อมูล ณ 28 มิ.ย.)
ซึ่งหากเทียบอัตราส่วน P/E ระหว่างดัชนี S&P500 Biotechnology Industry และ S&P500 Healthcare จะพบว่าครั้งล่าสุดที่ราคาเคยปรับลดลงมาในระดับนี้ ต้องย้อนกลับไปเมื่อปี 1998 ช่วงก่อนเกิดวิกฤตดอทคอม หรือประมาณ 20 ปีก่อน เลยทีเดียวจึงจะมีโอกาสได้ซื้อหุ้นในระดับราคาแบบนี้1
ธุรกิจในกลุ่มไบโอเทค ยังมีปัจจัยบวกจากโอกาสที่จะเกิดการควบรวมกิจการ (M&A) เข้ามาเป็นแรงหนุนด้วย
โดยในช่วงครึ่งหลังของปี 2022 นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า กลุ่มธุรกิจไบโอเทคฯมีโอกาสจะเกิด M&A เพราะราคาหุ้นทั้งกลุ่มเล็กและใหญ่ ปรับตัวลงมาค่อนข้างมาก ประกอบกับเป็นช่วงที่เพิ่งผ่าน COVID-19 มา หลายบริษัทจึงไม่ได้มีการลงทุนมาก ทำให้ยังมีกระแสเงินสดดี ดังนั้นจึงมีโอกาสที่จะซื้อหุ้นที่ราคาปรับลดลง ทำให้โอกาสการเกิด M&A ระหว่างบริษัทมีความเป็นไปได้ยิ่งขึ้น2
กลุ่มหุ้นไบโอเทคฯ มีโอกาสได้รับอานิสงส์จากเงินทุนไหลเข้า (Fund Flow) อีกด้วย
เพราะเมื่อราคาหุ้นไบโอเทคฯอยู่ในระดับที่ไม่แพง แถมมีโอกาสที่จะได้รับข่าวบวกจากการ M&A ผสานกับประเด็นความเสี่ยงจากภาวะเศรษฐกิจถดถอย ก็น่าจะเป็นปัจจัยกระตุ้นให้ Fund Flow เคลื่อนย้ายกลับเข้ามาในกลุ่มธุรกิจที่จะเพิ่มโอกาสสร้างผลตอบแทนที่โดดเด่นอย่างชัดเจนขึ้น
ธุรกิจดิจิตอลเฮลธ์แคร์ เป็นอีกหนึ่งธุรกิจที่เรียกได้ว่าน่าสนใจ ตรงที่ตอนนี้มีราคาหุ้นที่ไม่แพงนัก เห็นได้จาก Enterprise value Per sale หรือ มูลค่ากิจการต่อยอดขายซึ่งเคยปรับตัวขึ้นไปสูงเกือบ 14 เท่า แต่ในปลายปี 2021-2022 ได้ปรับตัวลดลงมาเทรดที่ 6 เท่า
เพราะได้รับแรงกดดันจากการที่บอนด์ยิลด์ปรับตัวขึ้น อย่างไรก็ตาม สถานการณ์หลังจากนี้ ประเมินว่าปัจจัยด้านบอนด์ยิลด์ อาจจะเข้ามารบกวนธุรกิจนี้ได้ไม่มากแล้ว ดังนั้นแนวโน้มของการปรับตัวลดลง (Down side) ก็จะค่อนข้างจำกัด3
นอกจากนี้ กลุ่มดิจิตอล เฮลธ์แคร์ ซึ่งประกอบด้วยบริษัทที่ทำธุรกิจด้านอุปกรณ์ทางการแพทย์ บริษัทโปรแกรมและซอฟแวร์ด้านการแพทย์ ฯลฯ ยังถือเป็นธุรกิจที่มีความสำคัญอย่างมากต่อการรักษาทั่วโลก ดังนั้นไม่ว่าเศรษฐกิจจะถดถอยหรือตลาดหุ้นเป็นช่วงขาลง สินค้าและบริการของธุรกิจในกลุ่มนี้ก็ยังคงมีความต้องอยู่ต่อเนื่อง
ยกตัวอย่างเช่น DexCom, Inc. ผู้พัฒนา ผลิต และจัดจำหน่ายระบบตรวจสอบกลูโคส (CGM) สำหรับ “โรคเบาหวาน” ซึ่งเป็นโรคที่มีผู้ป่วยจำนวนมาก และมีแนวโน้มจะเพิ่มจำนวนอย่างต่อเนื่อง โดยองค์กรเบาหวานโลก (International Diabetes Federation) ประเมินว่าในปี 2021 มีผู้ป่วยทั่วโลกจำนวน 537 ล้านคน (อายุ 20-79 ปี) และคาดว่าภายในปี 2045 จะมีผู้ป่วย 783 ล้านคน เลยทีเดียว4
จากความโดดเด่นของสองธีมไบโอเทคฯ และ ธีมดิจิตอล เฮลธ์แคร์ ธนาคารทิสโก้ จึงคัดเลือก 2 กองทุนที่น่าสนใจ ได้แก่
กองทุนเปิด ทิสโก้ ไบโอเทคโนโลยี เฮลธ์แคร์ (TBIOTECH)
ความเสี่ยงระดับ 7 (เสี่ยงสูง)
กองทุนรวมตราสารทุนที่เน้นลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุน Polar Capital Funds plc - Biotechnology ชนิดหน่วยลงทุน I US Dollar (กองทุนหลัก)
ซึ่งมีนโยบายลงทุนอย่างน้อย 51% ของมูลค่าทรัพย์สินในตราสารทุนของบริษัทที่ดำเนินธุรกิจเกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีชีวภาพ (Biotechnology) การวินิจฉัยโรค (Diagnostics) และเครื่องมือทางวิทยาศาสตร์ที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินชีวิต (Life Sciences Tools) ทั่วโลก กองทุนดังกล่าวบริหารและจัดการโดย Polar Capital LLP
และ กองทุนเปิด ทิสโก้ โกลบอล ดิจิตอล เฮลธ์ อิควิตี้ (TGHDIGI)
ความเสี่ยงระดับ 7 (เสี่ยงสูง)
กองทุนรวมหุ้นเน้นลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุน Credit Suisse (Lux) Digital Health Equity ชนิดหน่วยลงทุน MB USD (กองทุนหลัก)
ซึ่งมีนโยบายการลงทุนอย่างน้อย 2 ใน 3 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุนในตราสารทุน หลักทรัพย์ที่เกี่ยวข้องกับตราสารทุน และใบแสดงสิทธิต่างๆ ที่ออกโดยบริษัทที่ใช้นวัตกรรมและเทคโนโลยีในการนำเสนอผลิตภัณฑ์หรือบริการทางการแพทย์ (Digital Health) ทั่วโลก รวมถึงกลุ่มประเทศตลาดเกิดใหม่ กองทุนดังกล่าวบริหารและจัดการโดย Credit Suisse Fund Management S.A.
เมื่อลูกค้าซื้อกองทุน TBIOTECH หรือ TGHDIGI | รับของกำนัล |
---|---|
ยอดเงินลงทุนสะสมทุกๆ 1 ล้านบาท (หลังหักค่าธรรมเนียมการขาย) |
รับ Central Gift Card มูลค่า 1000 บาท |
สำหรับลูกค้าที่ลงทุนผ่านแอปพลิเคชัน TISCO My Wealth 250,000 บาทขึ้นไป |
รับ Central Gift Card มูลค่า 500 บาท |
คำเตือน
ที่มา
1.”หุ้นกลุ่ม Biotech กำลังซื้อขาย Discount ดัชนี S&P 500 Healthcare” Bloomberg,June 2022
2. “Which HC subsector is going to see the most M&A activity in 2H22” Goldman Sachs, June 2022
3. “Valuation หุ้นกลุ่มHealthcare กลับมาใกล้เคียงช่วงโควิด” Credit Suisse, Mar 2022
4. “Annual report which provides a comprehensive overview of the company for the past year”Dexcom, Feb 2022
© สงวนลิขสิทธิ์ 2561 ธนาคารทิสโก้ จำกัด มหาชน