TH EN

ข้ามเส้น Benchmark ลงทุนอย่างไรให้รีเทิร์นสูงขึ้น

                            

โพสต์เมื่อ 25 กรกฎาคม 2561 | โดย : คุณศิวกร ทองหล่อ Wealth Manager TISCO Bank Public Company Limited.

นักลงทุนที่มีประสบการณ์การลงทุนมานาน มักจะรู้จัก “Benchmark” กันเป็นอย่างดีแล้วว่า คืออะไร แต่ในความเป็นจริงแล้วนักลงทุนไม่ได้ต้องการเพียงสร้างผลตอบแทนให้เท่ากับเบนช์มาร์คเท่านั้น ทุกคนต้องการผลตอบแทนที่สูงกว่าค่าเฉลี่ยของตลาด เคล็ดลับของการลงทุนเหล่านี้มีอะไรบ้าง?

ความหมายของ “เกณฑ์มาตรฐาน” หรือ “Benchmark” นั้น ในบริบทด้านการลงทุนจะใช้ เพื่อเป็นตัวเปรียบเทียบกับตราสารการลงทุนที่มีลักษณะสินทรัพย์หรือความเสี่ยงจากการลงทุนในสินทรัพย์ที่คล้ายคลึงกัน โดยแต่ละประเภทสินทรัพย์จะมี Benchmark ที่แตกต่างไปดังนี้

 

หุ้น-กองทุนรวมหุ้นไทย

หากคุณเป็นนักลงทุนที่ลงทุนหุ้น หรือกองทุนรวมหุ้นไทย ซึ่งต้องการจะรู้ว่าผลตอบแทนที่ทำได้ในปัจจุบันมาก หรือน้อยแค่ไหนนั้นก็ไม่ใช่เรื่องยาก โดยหนึ่งในวิธีการที่จะช่วยให้ได้รับคำตอบก็คือ การใช้ Benchmark ที่เรียกว่า “ดัชนีผลตอบแทนรวมตลาดหลักทรัพย์” (SET TRI) ซึ่งเป็นดัชนีที่มีการคํานวณผลตอบแทนทุกประเภทของการลงทุนในหลักทรัพย์ให้สะท้อนออกมาในค่าดัชนีก็จะทำให้นักลงทุนเปรียบเทียบได้อย่างคร่าวๆ แล้วว่า  ผลตอบแทนในปัจจุบัน มากกว่า น้อยกว่า หรือใกล้เคียงกับผลตอบแทนที่ตลาดทำได้ แต่อีกกรณีหนึ่งคือ หากลงทุนในกองทุนที่มีนโยบายลงทุนเฉพาะกลุ่มธุรกิจใดธุรกิจหนึ่ง เช่น กองทุนที่เน้นลงทุนในหุ้นกลุ่มพลังงาน, กองทุนที่เน้นลงทุนหุ้นกลุ่มการเงิน ฯลฯ ก็อาจจะใช้ดัชนีเฉพาะกลุ่มนั้นมาเปรียบเทียบเพื่อความเหมาะสม (ถ้ามี)

 

ตราสารหนี้

ถ้าคุณเป็นนักลงทุนที่ลงทุนในตราสารหนี้ระยะสั้น (อายุไม่เกิน 1 ปี) หรือกองทุนรวมตลาดเงิน (Money Market Fund) จะใช้อัตราดอกเบี้ยฝากประจำเฉลี่ยระยะเวลา 1 ปี ของธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่ หรือใช้ดัชนีผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลที่อายุคงที่ (Zero Rate Return) อายุไม่เกิน 1 ปีเป็นตัวเปรียบเทียบ กรณีที่เป็นตราสารหนี้อายุมากกว่า 1 ปี และเน้นการลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลเป็นส่วนใหญ่ จะใช้ผลตอบแทนของดัชนีพันธบัตรรัฐบาล (ThaiBMA Government Bond Index) ซึ่งจะแบ่งเป็นหลากหลายช่วงอายุเพื่อให้สัมพันธ์กับนโยบายการลงทุนที่ผู้ลงทุน หรือกองทุนลงทุนจริง แต่ถ้าลงทุนในหุ้นกู้เอกชนเป็นส่วนใหญ่จะใช้ผลตอบแทนของดัชนีหุ้นกู้เอกชน (ThaiBMA Corporate Bond Index) ในการเปรียบเทียบกับการลงทุน

 

กองทุนรวมต่างประเทศ (Foreign Investment Fund: FIF)

เนื่องจากความหมายของ FIF บอกเพียงแค่เป็นกองทุนที่ลงทุนในต่างประเทศ ดังนั้นนโยบายการลงทุนของ FIF จึงสามารถครอบคลุมได้ตั้งแต่การลงทุนในสินทรัพย์ที่เปรียบเสมือนเงินฝากจนไปถึงการลงทุนในหุ้นต่างประเทศ เพราะฉะนั้น Benchmark จะมีวิธีการเลือกใช้เหมือนกับการลงทุนใน 2 ประเภทข้างต้น คือ ต้องเลือก Benchmark ที่วัดผลตอบแทนจากสินทรัพย์ประเภทเดียวกัน เช่น ลงทุนในหุ้นของประเทศสหรัฐอเมริกาก็ควรจะใช้ดัชนีของตลาดหลักทรัพย์ S&P500 มาเปรียบเทียบ หรือ FIF ที่เลือกลงทุนหุ้นทั่วโลก อาจใช้ Benchmark ที่เป็นสากล และน่าเชื่อถือ (International Benchmark) เช่น MSCI All Country World Index เป็นต้น แต่เนื่องจาก FIF จะมีเรื่องอัตราแลกเปลี่ยนมาเกี่ยวข้อง เพราะฉะนั้น Benchmark อาจมีการปรับผลตอบแทนเป็นสกุลเงินบาทเพื่อให้เห็นผลตอบแทนที่ผู้ลงทุนได้รับจริงกับผลตอบแทนที่นำมาเปรียบเทียบสัมพันธ์กัน

 

ทำอย่างไรให้รีเทิร์นสูงกว่า Benchmark

  • ไม่ลงทุนหุ้นกระจุกตัว

    ถ้าคุณเป็นนักลงทุนที่เน้นซื้อหุ้นรายตัว ควรเลือกลงทุนในหลักทรัพย์ที่แนวโน้มผลการดำเนินงานในอนาคตดี อาจผ่านการวิเคราะห์ด้วยตนเอง หรือผ่านบทวิเคราะห์ โดยนักวิเคราะห์ของบริษัทหลักทรัพย์ที่ผู้ลงทุนใช้บริการได้ แต่สำหรับผู้ลงทุนที่ไม่มีประสบการณ์ด้านการลงทุนมากนัก ไม่แนะนำให้ลงทุนในหุ้นตัวเดียว หรือกระจุกในกลุ่มอุตสาหกรรมเดียวมากเกินไป เพราะถ้าสถานการณ์ทางเศรษฐกิจที่เปลี่ยนไปอย่างฉับพลันอาจทำให้พอร์ทการลงทุนผันผวนมากกว่า Benchmark ได้

  • กองทุนรวมบริหารเชิงรุกรีเทิร์นสูงกว่า

    การลงทุนในกองทุนรวมไม่ว่าจะเป็นกองทุนตราสารหนี้ กองทุนผสม หรือกองทุนตราสารทุนทั้งในและต่างประเทศ ควรเลือกกองทุนที่มีนโยบายการบริหารแบบเชิงรุก (Active Management) เพราะนโยบายลักษณะนี้ ผู้จัดการกองทุนสามารถปรับสัดส่วนการลงทุนไม่เป็นไปตาม Benchmark เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์เศรษฐกิจปัจจุบัน และเพิ่มโอกาสสร้างผลตอบแทนให้สูงกว่า Benchmark ได้

  • คำนวณค่าธรรมเนียมก่อนซื้อขาย

    ค่าธรรมเนียมจากการลงทุนต่างๆ เช่น ค่าธรรมเนียมการซื้อขาย (Commission Fee) หรือค่าธรรมเนียมการจัดการกองทุน (Management Fee) เป็นปัจจัยสำคัญที่ผู้ลงทุนอาจมองข้าม แต่มีผลทำให้ผลตอบแทนจากการลงทุนด้อยกว่า Benchmark ได้ เนื่องจากการลงทุนในสินทรัพย์เหล่านี้ต้องผ่านตัวกลาง (Broker) จึงมีเรื่องค่าธรรมเนียมมาเกี่ยวข้อง ดังนั้นเมื่อผู้ลงทุนซื้อขายบ่อยแต่ไม่คำนึงถึงผลตอบแทนหลังหักค่าธรรมเนียมจากการลงทุน เมื่อผลตอบแทนไม่สามารถชดเชยค่าธรรมเนียมได้ก็จะทำให้ผลตอบแทนน้อยกว่าที่ควรจะเป็น

 

การสร้างผลตอบแทนให้ข้ามเส้น Benchmark ดูเหมือนจะเป็นเรื่องที่ทำได้ง่ายในมุมมองของหลายๆ คน แต่หากโจทย์ของนักลงทุนคือ “ต้องเอาชนะผลตอบแทนของตลาดในระยะยาว” นี่ถือเป็นภารกิจที่ไม่ธรรมดา และจำเป็นต้องวางแผนอย่างรัดกุม

© สงวนลิขสิทธิ์ 2561 ธนาคารทิสโก้ จำกัด มหาชน