“ทางออก” เมื่อสับสนกับคำแนะนำลงทุน

ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย ที่จะสร้างผลตอบแทนในช่วงที่ตลาดผันผวน แถมในตอนนี้ผู้เชี่ยวชาญจากหลายแหล่ง ก็ออกมาประเมินทั้งโอกาสและความเสี่ยง พร้อมทั้งให้คำแนะนำอย่างหลากหลาย แบบนี้นักลงทุนควรวิเคราะห์อย่างไรดี จึงจะไม่รู้สึกสับสน เมื่อได้รับคำแนะนำที่มีมากมายในตอนนี้? คำตอบก็คือ ต้อง "ทำความเข้าใจ" ใน 3 ประเด็นหลัก ต่อไปนี้

สภาวะตลาดอาจเปลี่ยนแปลงได้

สภาวะตลาดการลงทุน มีโอกาสเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา ซึ่งปัจจัยที่ทำให้ตลาดเปลี่ยนแปลงในก็มีหลายประเด็น ยกตัวอย่างเช่น

• สงครามทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ-จีน ซึ่งยังไม่มีข้อสรุป ส่งผลให้เกิดความกังวลว่าจะทำให้เศรษฐกิจและการบริโภคชะลอตัวลงในระยะข้างหน้า จนกดดันให้ตลาดหุ้นทั่วโลกปรับตัวลดลง
• การปรับตัวขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ (บอนด์ยิลด์) อายุ 10ปี ซึ่งมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

ดังนั้นประเด็นที่กล่าวในเบื้องต้นเหล่านี้ หากส่งสัญญานไปในทิศทางที่ดี ก็จะทำให้ตลาดตอบรับในเชิงบวก แต่ในทางตรงกันข้าม หากบรรยากาศการลงทุนไม่เอื้ออำนวย คำแนะนำการลงทุนก็ย่อมต้องเปลี่ยนไปให้สอดรับกัน ดังนั้น จึงน่าจะตอบคำถามในประเด็นที่ว่า "ทำไมตลาดดิ่งมากกว่า หรือ เด้งมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์?"

หุ้นบางบริษัทมีโอกาสทำกำไรภายใต้สถานการณ์ที่ไม่ดี

กรณีที่นักวิเคราะห์ หรือผู้เชี่ยวชาญด้านการวางแผนลงทุน ระบุว่าหุ้นไทยโดยรวมมีราคาแพง และแนะนำให้ลดน้ำหนักการลงทุน (ลดเงินที่ลงทุนในตลาดหุ้นไทย) ก็ไม่ได้หมายความว่า จะไม่สามารถลงทุนในตลาดหุ้นไทยได้เลย เพราะยังคงมีหุ้นบางกลุ่มที่มีความสามารถในการทำกำไรได้อยู่ โดยอาจมีประเด็นที่ช่วยผลักดันให้ราคาปรับตัวขึ้น โดดเด่นกว่าเมื่อเทียบกับธุรกิจอื่นๆ

เข้าใจรายละเอียดของคำแนะนำ

คำแนะนำส่วนใหญ่จะระบุ "กลยุทธ์การลงทุน" ไว้อย่างชัดเจน ยกตัวอย่างเช่น หากบทวิเคราะห์ระบุว่า "เมื่อตลาดหุ้นไทยปรับตัวลดลงมากที่ระดับราว 1,600+/- จะเป็นโอกาสที่จะเข้าซื้อเพื่อเก็งกำไร" ซึ่งคำแนะนำลักษณะนี้ ตีความได้ว่า เป็นคำแนะนำให้ "ซื้อ" เพื่อลุ้นทำกำไรระยะสั้น

ดังนั้นจึงหมายความว่า หากจะเลือกใช้กลยุทธ์ตามคำแนะนำใดของนักวิเคราะห์ ก็ควรจะต้องทำความเข้าใจด้วยว่า เป็นกลยุทธ์ที่เหมาะสำหรับนักลงทุนประเภทไหน และมีรายละเอียดของกลยุทธ์อย่างไรบ้าง

นอกจากนี้ นักลงทุนควรศึกษารายละเอียดของบทความ บทวิเคราะห์ที่อ่านด้วยว่า มี "กรอบระยะเวลาคำแนะนำในช่วงใด" เช่น คำแนะนำประจำเดือน "พ.ย." ก็จะเป็นการวิเคราะห์ปัจจัย ที่มีผลต่อการลงทุนในช่วงเดือนนั้น พร้อมประเมินเป็นตัวเลขคาดการณ์ และ กลุ่มหุ้นที่น่าสนใจ และการจัดสรรน้ำหนักการลงทุนออกมา เพื่อช่วยประกอบการตัดสินใจของนักลงทุน ดังนั้นคำแนะนำในเดือน "ธ.ค." จึงอาจเปลี่ยนไป หากปัจจัยแวดล้อมมีความเปลี่ยนแปลง จึงถือเป็นหน้าที่ของนักลงทุนที่จะต้องติดตามข้อมูลอย่างใกล้ชิดจากแหล่งข้อมูลที่เชื่อถือได้