เปิดโอกาสเข้าถึงนวัตกรรมการรักษาด้วย ประกันมะเร็ง

โพสต์เมื่อ 23 พฤศจิกายน 2563 | บทความโดย : ศิวกร ทองหล่อ AFPTTM Wealth Manager

ทราบหรือไม่ว่า…..ค่าใช้จ่ายเพื่อการรักษาโรคมะเร็งจะมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับตำแหน่งของมะเร็ง, ระยะที่ตรวจพบ และวิธีการรักษาที่มีประสิทธิภาพที่สุด โดยหากเลือกวิธีการหรือตัวยาที่สามารถเพิ่มอัตราการรอดชีวิต หรือ ความสำเร็จในการรักษาที่สูงที่สุดอาจมีค่าใช้จ่ายสูงแตะ 8 หลัก !

อย่างเช่น ยา Keytruda เป็นกลุ่มยาแอนติบอดี้เพื่อรักษาโรคมะเร็ง ซึ่งองค์การอาหารและยาสหรัฐฯ (U.S. FDA) อนุมัติให้ใช้รักษาโรคมะเร็งถึง 22 ชนิด สนนราคาเข็มละ 300,000 บาท หากใช้ระยะเวลารักษาจนหายขาดเฉลี่ย 2 ปี ต้องใช้เข็มละ 3 สัปดาห์ ตกค่าใช้จ่ายสูงกว่า 10 ล้านบาท ซึ่งยังไม่รวมถึงค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับวิธีการรักษาอื่นที่อาจต้องควบคู่กัน

“จุฬาฯ เร่ง ‘วิจัย’ หวังลดค่ายากว่า 10 เท่า

    กลุ่มวิจัยภูมิคุ้มกันด้านเซลล์บำบัดมะเร็งคณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ที่จัดตั้งขึ้นโดยมีพันธกิจเพื่อให้คนไทยสามารถเข้าถึงยารักษาโรคมะเร็งได้อย่างมีประสิทธิภาพและทั่วถึง ซึ่งทางกลุ่มวิจัยเชื่อว่าบุคลากรทางการแพทย์ของไทยมีศักยภาพมากพอที่จะช่วยให้ราคายารักษาโรคมะเร็งถูกลงกว่า 10 เท่า ด้วยประสิทธิภาพที่ใกล้เคียงกัน

    โดยปัจจุบันเริ่มวิจัยและพัฒนาตัวยาแอนติบอดี้จนเข้าสู่เฟสที่ 3 จากทั้งหมด 5 เฟส นั่นคือ เริ่มผลิตตัวยาต้นแบบที่ปรับปรุงแล้วเพื่อให้สามารถใช้กับมนุษย์ได้ในปริมาณมาก โดยจะใช้ระยะเวลาประมาณ 18 - 24 เดือนก่อนที่จะเข้าสู่การทดลองในสัตว์ที่เฟส 4 และสามารถทดลองใช้กับมนุษย์ได้ที่เฟส 5 หลังจากเฟสที่ 4 เสร็จสิ้นประมาณ 20 - 24 เดือน

    ประโยชน์ของการวิจัยและผลิตยารักษาด้วยตัวเองนอกเหนือจากการลดภาระการนำเข้ายารักษาจากต่างประเทศด้วยมูลค่าปีละกว่า 3 แสนล้านบาทแล้ว ยังมีโอกาสที่ตัวยาจะถูกบรรจุเข้าไปในบัญชียาหลักแห่งชาติมากขึ้น ซึ่งผู้ป่วยสามารถใช้สิทธิบัตรทองเพื่อใช้ยาตัวนี้ในการรักษาได้ในอนาคต 

    แต่ปัจจุบันสถานะงานวิจัยอยู่ในเฟสที่ 3 ซึ่งกว่าจะสามารถทดลองจนครบ 5 เฟสยังต้องใช้เวลาอีกหลายปี ขณะที่โรคร้ายนี้จะเกิดขึ้นเมื่อไหร่และกับใครไม่สามารถคาดเดาได้ เพราะฉะนั้นการทำประกันคุ้มครองการรักษาโรคมะเร็งยังมีความจำเป็นอยู่เสมอ

 

ประกัน “มะเร็ง” ช่วยได้ ?

    การทำประกันสุขภาพนั้น ผู้เอาประกันย่อมคาดหวังว่าหากเราเจ็บป่วยด้วยโรคมะเร็ง เราจะได้สินไหมเพื่อชดเชยค่ารักษาพยาบาลได้ ซึ่งปัจจุบันลักษณะความคุ้มครองของประกันโรคมะเร็งมีหลากหลายรูปแบบ แต่สิ่งที่ผู้ที่ต้องการทำประกันควรคำนึงก่อนการตัดสินใจทำประกันมะเร็งอย่างมาก คือ การให้ความคุ้มครองโรคมะเร็งในทุกระยะ ทั้งเงินก้อนแก่ผู้เอาประกันทันทีที่ตรวจพบมะเร็ง และคุ้มครองค่าใช้จ่ายเพื่อการรักษาโรคมะเร็งได้ตามจริงอีกด้วย

“แนะเลือกแผนคุ้มครองที่จ่ายเงินก้อนเมื่อตรวจพบเชื้อมะเร็ง

    อย่างไรก็ตาม แม้เราจะทำประกันสุขภาพเอาไว้แล้ว แต่ส่วนของวงเงินที่คุ้มครองค่ารักษาพยาบาลที่บริษัทรับประกันกำหนดไว้อาจไม่สามารถนำไปเบิกเป็นค่าใช้จ่ายสำหรับวิธีการรักษาทางเลือกหรือตัวยาใหม่ๆ จากต่างประเทศที่แพทยสภาของไทยยังไม่อนุมัติให้ใช้เป็นมาตรฐานการรักษาในไทยได้ แต่การได้รับเงินก้อนทันทีที่ตรวจพบจะช่วยเปิดโอกาสให้ผู้ป่วยเข้าถึงตัวยาใหม่ๆ ที่อาจมีประสิทธิภาพในการรักษามากกว่าตัวยาแบบเดิมได้หากต้องการ

    เพราะฉะนั้นหากเราต้องการวางแผนประกันมะเร็งโดยเผื่อค่าใช้จ่ายสำหรับการรักษาทางเลือกหรือตัวยาใหม่ๆ จากต่างประเทศ การเลือกประกันมะเร็งที่ระบุว่าจะจ่ายทันที 100% ของทุนประกันไม่ว่าจะตรวจพบมะเร็งระยะใดก็ตาม ช่วยเปิดโอกาสการเข้าถึงนวัตกรรมทางการแพทย์จากทั่วโลกโดยนำเงินก้อนไปแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายได้มากขึ้น

    สำหรับโรคมะเร็งนั้น นวัตกรรมทางการแพทย์ทั่วโลกกำลังพัฒนาประสิทธิภาพในการรักษาอย่างต่อเนื่อง การทำประกันมะเร็งเพื่อเป็นหลักประกันในการรักษา โดยคำนึงถึงเรื่องเงินก้อนหากตรวจพบมะเร็งทุกระยะ และวงเงินความคุ้มครองสูงสุดย่อมเป็นการลงทุนที่คุ้มค่า ด้วยการจ่ายเบี้ยเริ่มต้นหลักพันบาท สามารถให้ความคุ้มครองกว่า 1 ล้านบาท

    หากเราเลือกซื้อประกันมะเร็งที่ดี และคุ้มค่าแล้ว ก็น่าจะสบายใจได้ว่าเงินทองที่หามาได้จากการทำงานตลอดชีวิตจะไม่หมดไป และเป็นกำลังใจหล่อเลี้ยงผู้ป่วยเพื่อให้สามารถต่อสู้กับโรคร้ายได้อย่างเข็มแข็งอีกด้วย

 

© สงวนลิขสิทธิ์ 2561 ธนาคารทิสโก้ จำกัด มหาชน